ทริปต้อนรับลมหนาว จากภูเรือ...ถึงภูสวนทราย
สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาว Travel-is ทุกท่าน เงียบกันไปเลย ช่วงวันหยุดยาว วันปิยมหาราช
ไปเที่ยวไหนกันมาบ้างรึป่าวครับ ยังไงก็เอารูปมาให้ชมกันบ้างนะครับ ช่วงนี้เว็บเงียบเหงาจัง
คราวนี้นำรูปจากทริปช่วงวันหยุดยาวนั่นแหละครับ มาลงให้ชม เป็นทริปต้อนรับลมหนาว บนยอดภูครับ
ทริปนี้มีสมาชิกร่วมเดินทาง 5 คน เราออกเดินทางกันตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2550
ทริปนี้ก็เตร็ดเตร่ โบกรถกันเรื่อยไปเลยครับ โบกกระทั่งวันสุดท้าย จากเลยโบกจนมาถึง กทม. เลย ( เฮ้อ!
เหนื่อยก็เหนื่อยครับ แต่ก็สนุกดี
)
ปล. ทริปนี้อาจจะบรรยายไม่มากนะครับ เอาเป็นว่าเน้นชมรูปกันไปละกันนะครับ.
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 16:45:36]
Page
1
[
2
]
Comment : 1
พวกเรานั่งรถทัวร์มาลงที่ อ.ภูเรือ ถึงภูเรือกันตั้งแต่เช้ามืด พอจัดแจงซื้อของกินเล็กๆ น้อยๆ
ได้เราก็เหมารถขึ้นไปด้านบนกันเลยครับ และที่นี่
ยอดภูเรือ
ที่ที่ได้รับสมญาว่า
หนาวที่สุดในสยาม
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 16:53:32]
Comment : 2
ทิวทัศน์จากยอดภูเรือ
ยอดภูเรือเป็นหนึ่งจุดที่ชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้ครับ แต่วันที่เราไป ม่ายมีโอกาสได้ชม
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 16:59:13]
Comment : 3
หันมาชมดอกไม้กันบ้าง
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 17:03:48]
Comment : 4
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 17:11:10]
Comment : 5
มุมมองยอดภูเรือ จาก
ผาโหล่นน้อย
ผาโหล่นน้อย
ก็เป็นอีกหนึ่งหน้าผาของภูเรือ ที่สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าได้
แต่เราก็ไม่เห็นอีกเหมือนเดิม
มองกันตั้งนานว่า ไอ้สามเหลี่ยม ที่เห็นอยู่ด้านล่างมันคืออะไร ภาพนี้เลยซูม ซูมเข้าไปเป็นพิเศษ
สรุปว่ามัน คือ
บ่อน้ำ
อย่างที่คิดไว้นั่นแหละ
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 17:35:51]
Comment : 6
ที่ภูเรือช่วงนี้ มี
เอื้องนวลจันทร์
ให้ได้ชมกันเพียบเลย
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 17:39:55]
Comment : 7
อันนี้ดอกอะไรไม่รู้แฮะ แต่สวยดี
มุมมองดีๆ จาก
สวนหินพาลี
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 17:42:57]
Comment : 8
มาถึงภูเรือทั้งที ต้องมีภาพของ
สนสามใบ
มาฝาก ถ่ายมาเพียบเลย
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 17:47:40]
Comment : 9
ช่วงวันหยุดเทศกาลแบบนี้ นักท่องเที่ยวพากันยกโขยงขึ้นมาเที่ยวบนภูเรือกันเพียบเลย พวกเรา พวกรักความสงบ
จึงต้องโบกมืออำลาภูเรือกันเร็วหน่อย เพื่อหาที่นอนกันใหม่ในคืนนี้
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 17:50:45]
Comment : 10
โบกรถลงจากภูเรือกันเที่ยงๆ หามื้อเที่ยงกินกันที่ตลาด
ว่าแล้วเราก็เริ่มเข้าสู่ศาสตร์แห่งการโบกแบบเป็นเรื่องเป็นราว ด้วยความโชคดี เราได้รถต่อแรกไปถึง
อ.นาแห้ว
เลย จากนั้นก็ได้รับความอนุเคราะห์จากน้องๆ ชาว ม.ขอนแก่น พาเราสู่จุดหมายปลายทางกันที่
อช.ภูสวนทราย
ที่แรกที่เรามาแวะเที่ยวกัน ก็ที่นี่
น้ำตกคริ้ง
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 17:57:18]
Comment : 11
หลังจากพวกเราไปติดต่อรถกับทางอุทยานฯ ให้ไปรับและส่งเรา สำหรับโปรแกรมเที่ยววันพรุ่งนี้แล้ว
เราก็เคลื่อนขบวนกันไปนอนกันที่
ภูหัวห้อม
โดยมีน้องๆ ชาว
ม.ขอนแก่นไปส่งและกางเต็นท์นอนกับพวกเราด้วย
ทิวทัศน์ฝั่งลาว เมื่อมองจากภูหัวห้อม
ที่
ภูหัวห้อม
วันนี้เงียบสงบ ผิดจาก อช.ภูเรือ มีเต็นท์ของพวกเรามากางกันเป็นเต็นท์แรก
จากนั้นช่วงเย็นจึงมีอีกกลุ่มหนึ่งมากางเต็นท์ ซึ่งก็ถือว่าไม่มากเลยสำหรับพวกเราที่รักความสง๊บ สงบ 555
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 18:05:55]
Comment : 12
บรรยากาศยามเย็น
แสงสวยดีเลยกดชัทเตอร์กันเพลินเลย
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 18:30:18]
Comment : 13
ปิดท้ายวันแรก กันด้วยบรรยากาศยามเย็นที่ภูหัวห้อมแห่งนี้ ที่นี่บรรยากาศดีมากๆ
ค่ำคืนนี้ เราล้อมวงพูดคุย ร้องเพลง และกินมื้อค่ำกันรอบกองไฟ กับน้องๆ ชาว ม.ขอนแก่น
บรรยากาศที่นี่เยี่ยมไปเลยครับ สำหรับพรุ่งนี้ไปไหนกันต่อติดตามชมต่อพรุ่งนี้นะครับ.
Post by : Naitredtrei [2007-11-05 18:38:22]
Comment : 14
เช้าวันใหม่กับทะเลหมอกยามเช้าที่
ภูหัวห้อม
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 10:33:47]
Comment : 15
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 10:38:40]
Comment : 16
โบกมือลาภูหัวห้อม และแยกกับน้องๆ ชาว ม.ขอนแก่นกันแต่เช้า เพราะวันนี้เรามีภาระกิจโหด ที่ต้องทำกัน
จึงต้องมุ่งหน้ากลับไปที่ทำการ อช. กันแต่เช้า
ตัวอาไรม่ายรู้ มาเป็นคู่ น่ารักดี
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 10:43:06]
Comment : 17
เช้านี้เรามาตั้งต้นกันที่ที่ทำการ อช.ภูสวนทราย ทานอาหารเช้า แล้วก็เตรียมตัวขึ้นเขากัน
เขาที่เราจะไปพิชิตกันในวันนี้ก็ คือ
เนิน 1408 จุดกางเต๊นท์ที่สูงที่สุดในภาคอีสาน
ยอดที่เราจะไปพิชิตกันวันนี้สูงกว่าภูกระดึงอีกนะเนี่ย!
เราออกเดินทางโดยมี
พี่สามิตร หรือพี่หวี
เจ้าหน้าที่จากอุทยานฯ เป็นผู้นำทาง
พอเริ่มเดินก็หอบแฮ่กๆ กันเลยทีเดียว ทางเดินช่วงแรกโหดที่สุด มีชื่อว่า
เก้าเลี้ยว
เดินไปก็โอดครวญกันไป กว่าจะพ้น
เก้าเลี้ยว
ได้ ก็เรียกได้ว่าหอบกันเลยทีเดียว
แต่หลังจากเก้าเลี้ยวไปแล้วทางเดินก็จะสบายขึ้น ไปอีกประมาณ 5 กม. ก็จะถึงจุดหมายปลายทางของเรา
สวนระทึก
อีกจุดแวะพักหนึ่งระหว่างทาง
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 11:04:59]
Comment : 18
เข้าป่าทั้งที ต้องมาดูดอกไม้กันหน่อย ระหว่างทางเจอดอกไม้เพียบเลย แต่จำไม่ได้เลย ว่ามันมีดอกอะไรบ้าง
ยังไงใครรู้ช่วยบอกหน่อยละกันนะครับ
อันนี้น่าจะเป็น
เอื้องหมายนา
แต่ดอกจริงๆ คงยังไม่บาน นี่น่าจะเป็นแค่ตัวช่อดอกมากกว่ามั๊ง
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 11:10:26]
Comment : 19
ดอกสาวสนม
ก็มี
ดอกบิโกเนีย
ก็มีเยอะเลย แต่ถ่ายม่ายค่อยได้เรื่องซักรูป 555
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 11:24:02]
Comment : 20
อันนี้ ดอกอารูมิไรท์ - อารายม่ายรู้ อีกแล้ว
ดอกเทียนน้ำ
ที่เหลือม่ายรู้ชื่อแล้ว
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 11:29:23]
Comment : 21
ดูดอกไม้ไปแล้ว ทีนี้ลองมาดู ของป่ากันบ้าง
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 12:03:02]
Comment : 22
ต้นบุก
ที่เราเอามารับประทานกันนั่นแหละ
ลูกไม้รึไร ไม่รู้ สวยดี
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 12:07:48]
Comment : 23
ดอกผุด
สวยงามแปลกตา
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 12:13:39]
Comment : 24
ที่นี้ก็มาถึงไฮไลท์ของทริปนี้กันบ้าง ความพิเศษของทริปนี้ ก็คือ การที่เรามาเที่ยวในช่วงนี้นั่นแหละ
ซึ่งเป็นฤดูกาลที่เราจะได้เห็นความงามของ
ดอกกระโถนฤาษี
ซึ่งจะบานในช่วงนี้
มาเก็บความรู้กันนิดนึง
ดอกกระโถนฤาษี
( Sapria himmalayana Griffith )
จัดเป็นพืชหายากชนิดหนึ่งของเมืองไทย
เลยทีเดียว ค้นพบครั้งแรกที่ จ.เชียงใหม่ ในระหว่างปี พ.ศ. 2447-2450
หลังจากนั้นได้มีการศึกษาพืชชนิดนี้อย่างละเอียดจนทราบว่า พืชในสกุลกระโถนฤาษีนี้มีเพียง 3
ชนิดในโลกเท่านั้น และทั้ง 3 ชนิดนี้สามารถพบได้ในประเทศไทย
ดอกกระโถนฤาษี
เป็นพืชที่พบในป่าดงดิบที่สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง ประมาณ 1000 เมตรขึ้นไป
มีการกระจายพันธุ์มาจากแถบเทือกเขาหิมาลัย ในแคว้นอัสสัมของอินเดีย , ภูฐาน , พม่า ,
ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน และในประเทศไทย
สำหรับในประเทศไทยนั้นมีรายงานว่าเคยพบที่ อช.ดอยสุเทพ-ปุย และ อช.ดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ,
จ.แม่ฮ่องสอน , และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว จ.ชัยภูมิ และที่ใหม่ล่าสุดก็คือที่
ภูสวนทราย
แห่งนี้นั่นเอง
หายากมากระดับโลกเลยนะเนี่ย
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 12:31:55]
Comment : 25
ทีนี้มาลองดูพื้นที่สีเขียวในป่ากันบ้าง
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 12:39:31]
Comment : 26
มี
หอยทาก
ตัวน้อยอยู่ด้วยนะเนี่ย
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 12:51:36]
Comment : 27
แมลงอะไรม่ายรู้ สีสวยดี
ตั๊กแตน
ตัวน้อย บนผืนใบตอง
ทาก เพื่อนร่วมทางนักดูดเลือด
ทริปนี้ผมเจอตลอดทางจนเลือดโชกเลยครับพี่น้อง
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 13:02:10]
Comment : 28
ถึงซะที
เนิน1408
นี่ครับ
จุดกางเต็นท์สูงที่สุดในอีสาน 1,408 ม. จากระดับน้ำทะเล
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 15:25:44]
Comment : 29
วิวทิวทัศน์จากด้านบนครับ
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 15:29:27]
Comment : 30
แนวบังเกอร์ที่ยังคงหลงเหลือให้เห็นอยู่ เนื่องจากในอดีตที่แห่งนี้เคยเป็นสมรภูมิรบมาก่อน
พืชจำพวกมอส ที่ขึ้นบนแนวของบังเกอร์
ห้องน้ำ ซึ่งตั้งอยู่ในหุบเขา ต้องเดินลงไปตามทางบันได ซึ่งก็ชันพอสมควรเหมือนกัน
แถมยังมีทากเยอะอีกด้วย
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 15:38:12]
Comment : 31
มุมของแสงกับต้นไม้สวยๆ
หวังว่าคงจะชอบกันน้า
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 15:57:18]
Comment : 32
แสงกับผืนป่ายามบ่ายแก่ๆ
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 16:00:41]
Comment : 33
ฟ้าใกล้จะมืดแล้ว อากาศเริ่มเย็นลง เริ่มเห็นสายหมอกปกคลุมไปทั่วขุนเขา
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 16:04:02]
Comment : 34
เริ่มทำอาหารเย็นกันแล้ว
นี่แหละอาหารมื้อเย็นของพวกเรา
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 16:09:40]
Comment : 35
ถึงแม้จะเป็นช่วงเทศกาล แต่ก็มีพวกเราแค่เพียงกลุ่มเดียวที่เดินทางมาบนยอดเขาแห่งนี้ อิอิ เงียบสงบสมใจ
ปิดท้ายวันที่ 2 ของการเดินทางกันด้วยภาพแสงจันทร์ของค่ำคืนนี้ ราตรีสวัสดิ์.
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 16:16:45]
Comment : 36
เช้าวันใหม่ เราตื่นกันแต่เช้า เพื่อมารอชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ที่เนิน1408 นี้
เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าที่ดีจุดหนึ่ง แต่เนื่องจากเช้านี้อากาศเย็นจัด เมฆและหมอกหนามาก
เราก็เลยอดชมพระอาทิตย์ขึ้นอีกแล้ว แงๆ
ถ่ายแสงมาได้แค่เนี้ยะ มากที่สุดแล้วนะเนี่ย
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 16:26:06]
Comment : 37
บรรยากาศยามเช้าที่นี่ ถูกปกคลุมไปด้วยหมอก ลมแรงและหนาวสุดๆ
ต้นไม้ใส่เสื้อ
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 16:31:13]
Comment : 38
ดอกไม้บาน...
กับน้ำค้างยามเช้า
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 16:43:24]
Comment : 39
เราออกเดินทางเพื่อลงจากยอดเขากันตั้งแต่สายหมอกยังไม่จาง
เพราะวันนี้เราต้องใช้เวลาในการเดินทางกลับบ้านกันด้วย
ผืนป่ายามเช้าสวยงามเจงๆ
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 16:49:23]
Comment : 40
ขากลับก็เจอกันอีกแล้ว
ดอกผุด
สีแดงสวยสด
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 16:53:39]
Comment : 41
แล้วเราก็พบกับสิ่งนี้ด้วย
ขนุนดิน
เมื่อวานเราได้เห็น
กระโถนฤาษี
ไปแล้ว วันนี้ก็มาดู
กากหมากตาฤาษี หรือขนุนดิน
กันบ้าง
จริงๆ แล้ว ปัจจุบันนี้
ขนุนดิน
ก็จัดได้ว่าเป็นพืชอีกกลุ่มหนึ่งที่เริ่มอยู่ในสถานภาพของ
พืชหายาก
อีกเช่นกัน
และนี่ คือ
ขนุนดินเพศผู้
รู้จักขนุนดินเพิ่มอีกหน่อย
ขนุนดิน
เป็นพืชที่ไม่มีคลอโรฟิลล์ ไม่มีรากสำหรับดูดน้ำและแร่ธาตุในดิน ด้วยเหตุนี้เองขนุนดิน
จึงจัดเป็นพืชจำพวก
กาฝาก
โดยมันจะอาศัยอาหารจากต้นไม้อื่นๆ โดยใช้ส่วนที่เรียกว่า
รากเบียน
แทรกเข้าไปในเนื้อเยื่อเจริญของรากพืชที่มันอาศัยอยู่
ดูดอาหารและน้ำเลี้ยงสร้างลำต้นที่มีลักษณะคล้ายหัวขึ้นมาบนรากไม้นั้นๆ
ดังนั้นเราจึงมักจะพบมันขึ้นอยู่ตามโคนไม้ของพืชที่มันอาศัยอาหาร
ซึ่งจากเท่าที่เคยมีการศึกษาพบว่ามันจะขึ้นอิงอาศัยกับพืชเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น
และพบว่าถ้าบังเอิญเราไปพบขนุนดินเข้าในบริเวณของต้นไม้ใดแล้ว
ในปีต่อๆ ไป เราก็จะมีโอกาสได้เห็นเจ้าขนุนดินนี่อีกในบริเวณนั้น
แต่มีข้อแม้ว่าสภาพป่าบริเวณนั้นต้องไม่ถูกทำลายลงไปนะเออ
เหตุที่เรียกว่า
ขนุนดิน
คงเป็นเพราะช่อเพศเมียของขนุนดิน
บางชนิดมีลักษณะคล้ายกับช่อดอกขนุนอ่อนๆ
และหน้าตาของ
ขนุนดินเพศเมีย
เป็นแบบที่เห็นด้านบนนี้แหละครับ
ขนุนดิน
จะมีดอกเพศผู้ และเพศเมียแยกต้นกัน
ดังนั้นการสืบพันธุ์ของมันจึงต้องอาศัยแมลงเป็นตัวช่วย โดยมันจะส่งกลิ่นเพื่อหลอกล่อให้แมลงมาตอม
ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นพวก พวกผึ้ง ต่อ แตน และแมลงวันชนิดต่างๆ นั่นเอง
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 17:03:12]
Comment : 42
ทิวทัศน์ข้างทาง
อีกหนึ่งแนวบังเกอร์ ที่พบได้ที่
เนิน 1,205
ซึ่งพวกเราต้องผ่านขาลงจากยอดเขา
ยอดของ
เนิน 1,408
ที่เราเดินกันลงมาเมื่อเช้า โดยมองจาก
เนิน 1,205
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 17:11:07]
Comment : 43
สะพานมรณะ ที่สภาพร่อแร่เต็มที เดินไปก็กลัวไม้จะหักตามไปด้วย
ในซอกหินนี้เป็นรังของ
ตุ๊กแกป่า
ครับ และนี่คือไข่ของพวกมันครับ อยากบอกว่า
ตอนที่ถ่ายนี่ก็เห็นพ่อกับแม่ของพวกมันอยู่ในซอกหินด้วยครับ แต่ยังใจไม่กล้าพอจะเข้าไปใกล้ๆ
เพื่อถ่ายกลับมา อึ๊ย.. ( ดูแค่ไข่พวกมันไปก่อนล่ะกันนะครับ )
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 17:24:49]
Comment : 44
ปิดท้ายก่อนออกจากป่าด้วย
มหกรรมเห็ด
รวบรวมภาพเห็ดตั้งแต่เข้ามาในป่ามาให้ชม
เพราะช่วงนี้ที่นี่มีเห็ดให้ชมเยอะมาก
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 17:36:21]
Comment : 45
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 17:43:46]
Comment : 46
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 17:50:27]
Comment : 47
เซ็ทสุดท้ายของ
มหกรรมเห็ด
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 17:56:16]
Comment : 48
พอพ้นจากป่ามาได้ เราก็พบกับ
พี่สุบรรณ
เจ้าหน้าที่จากอุทยานฯ ที่เอารถมารอรับเราอยู่ด้านล่าง
ระหว่างทางก็พบกับทิวทัศน์สวยๆ ของหมู่บ้านด้านล่างที่อยู่ใกล้เชิงเขา
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 18:00:25]
Comment : 49
อีกหนึ่งทิวทัศน์สวยๆ ข้างทาง
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 18:05:58]
Comment : 50
พี่สุบรรณขับรถพาเรามาแวะเล่นน้ำกันที่
น้ำตกตาดเหือง
น้ำตกที่ไหลลงไปเป็นแม่น้ำเหือง
เป็นน้ำตกที่ไหลกั้นพรมแดนไทย - ลาว จึงได้รับสมญาว่า
น้ำตกมิตรภาพไทย-ลาว
สำหรับผมแล้วนี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วของการมาเยือนน้ำตกแห่งนี้ ( ครั้งแรกเมื่อต้นหน้าฝน
คราวที่มาเที่ยวงานผีตาโขน ) ครั้งนี้มาช่วงปลายฝนต้นหนาวพอดี ถึงแม้สายน้ำในหน้านี้จะสวย และใสกว่า
แต่ก็กลับถ่ายภาพได้ยากกว่ามาก เนื่องจากละอองน้ำที่เยอะ
ช่วงเวลาที่ผมมานี้แสงแดดที่ตกกระทบน้ำตกค่อนข้างจัด จึงถ่ายรูปได้ยากมากทีเดียว
Post by : Naitredtrei [2007-11-07 18:25:12]
Page
1
[
2
]
Reply
Picture :
You can not Allow
register ClickHere
|
login
Not readable? Change text.
*
Name :
*
E-mail :
Tel :
ICQ :
Detail :
*
*
dentist bangkok
|
implant bangkok
|
veneer bangkok
|
implant thailand
|
dentist sukhumvit
|
dental sukhumvit
|
fast braces bangkok
|
tooth whitening bangkok
|